Text
เนื้อเรื่อง
เรื่องหมูเผือกกับหมูดำ
หมูเผือกกับหมูดำเป็นหมูป่าที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้งสองช่วยกันปลูกผัก สำหรับทำเป็นอาหารและนำไปขาย เพื่อมีรายได้มาใช้จ่าย
" เผือก! โชคดีนะขอให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่านะ " หมูดำ อวยพรให้หมูเผือกที่กำลังหาบผักเดินผ่านไป
วันนี้เป็นหน้าที่ของหมูเผือกที่จะต้องนำผักไปขายที่ตลาด.
" ผักจ้า! ผักสดๆ ผักกาดขาว ผักคะน้า กะหล่ำปลี ผักชี ต้นหอม สดใหม่จากสวนมาแล้วจ้า "
หมูเผือก ตะโกนเรียกลูกค้ามาซื้อผัก
" ฉัน ซื้อผักกาดขาวต้นหนึ่ง " หนูเดินเข้ามาซื้อผักของหมูเผือก
" ครับๆ ได้เลยครับ " หมูเผือกหยิบผักกาดขาวยื่นให้หนู
" วันนี้ไม่มีหัวผักกาดหรือ " แม่กระต่ายส่งเสียงถาม.
" ไม่มีครับ เอากะหล่ำปลี ดีไหมครับ" หมูเผือกพยายามจะขายผักที่มีอยู่
" ก็ได้จ้ะ แต่ฉันขอแค่ครึ่งหัวนะ ลูกๆ ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ "
" ได้ ได้ ฉันจะแบ่งให้นะ "
หมูเผือกใช้มีดบาง เฉือนกะหล่ำปลีเป็น 2 ชิ้น นำชิ้นหนึ่งใส่ถุงให้แก่แม่กระต่าย.
" เจ้าหมูเผือก วันนี้มีกล้วยให้ข้ากินไม๊ " หมีหนุ่มส่งเสียงถามดังลั่น
" ไม่มี! ฉันขายผักไม่ได้ขายผลไม้ "
" ทำไม ไม่หากล้วยมาขายมั่งล่ะ ข้าหิว..."
" เจ้าก็ไปซื้อจากแม่ค้าขายผลไม้ซิ " หมูเผือกแนะนำ
" โธ่! ข้าไม่มีตังค์...อยากจะขอเจ้ากิน แล้วจะหาตังค์มาให้วันหลังไง " หมีกระซิบกระซาบ.
" ฉันไม่รู้จะช่วยเจ้าอย่างไร...เอ้าฉันให้ผักกาดต้นหนึ่งไม่คิดตังค์หรอก " หมูเผือกรู้สึกสงสารหมี
จึงให้ผักกาดไปเป็นอาหาร 1 ต้น
" ขอบใจ ขอบใจนะ วันนี้ข้าก็คงต้องกินผักกาดกันตายไปก่อน "
หมีรับผักกาดจากหมู แล้วเดินจากไปด้วยใบหน้าผิดหวัง.
ตอนสายของวันนั้นหมูเผือกหาบกระจาดเปล่ากลับบ้านด้วยใบหน้าเบิกบาน
" โอ้โฮ! วันนี้ขายหมดเกลี้ยงเลยนะ " หมูดำร้องทัก
" ฮื้อ! วันนี้เป็นวันหยุดคนซื้อเยอะหน่อย "
" เข้าบ้านกินข้าว พักผ่อนสักครู่ แล้วค่อยออกไปสวน ฉันไปก่อนล่ะ " หมูดำบอกหมูเผือกก่อนที่จะเดินไปสวนผัก.
ณ สวนผัก หมู 2 ตัวช่วยกันรดน้ำผัก หมูเผือกมีความคิดว่าควรจะขยายสวนผักเพิ่ม เพราะสัตว์ต่างๆ หันมากินผักกันมากขึ้น โดยเฉพาะผักที่ปลอดสารพิษ
" หมูดำ หมูดำ ฉันคิดว่า..." หมูเผือกพูดยังไม่จบ หมูดำ รีบตั้งคำถามทันทีว่า
" คิดอะไรอีกล่ะ"
" เราน่าจะขยายสวนผักของเราออกไปอีกนะ "
" ก็ดีนะ ... แต่มันคงเหนื่อยที่เดียวแหละ " หมูดำเริ่มท้อใจ.
หมูทั้ง 2 ตัว ปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงรับประทานอาหารกลางวัน และตกลงใจพากันไปพบผู้ใหญ่บ้านช้าง ขอซื้อที่ดินที่ติดกับสวนผักของตน
" ลุงช้างครับ เราอยากจะปลูกผักให้มากขึ้น แต่ที่ดินของเรามีน้อย..."
" อ๋อ! อยากจะได้ที่เพิ่มงั้นหรือ " ผู้ใหญ่บ้านช้างถามก่อนที่หมู 2 ตัวจะพูดจบ
" ครับๆ ผมทราบว่าใกล้ๆ สวนของผม เป็นที่ของลุงช้าง มันว่างเปล่าอยู่ ผมอยากจะขอซื้อเพื่อทำสวนผักครับ " หมูเผือกพูดอย่างนอบน้อม
" เจ้าทั้ง 2 เป็นผู้มีความขยันหมั่นเพียร ข้าจะขายที่แปลงนั้นให้ " .
เมื่อหมูเผือกและหมูดำ ดำเนินการเรื่องซื้อขายที่ดินกับผู้ใหญ่บ้านช้างเรียบร้อย จึงลงมือถางหญ้าในสวนใหม่
" น้าหมู ทำอะไรกันหรือครับ " กว้างตัวหนึ่งร้องถาม
" น้าถางหญ้า เพื่อทำสวนผักเพิ่มขึ้น "
" น้าๆ แล้วน้าจะตัดต้นไม้ต้นนี้หรือเปล่า " กระรอกตะโกนถามลงมาจากต้าไม้.
" ต้นไม้ใหญ่ช่วยให้ร่มเงา บังแดด บังฝนได้ เราคงไม่ตัดหรอก...นะหมูดำ "
หมูเผือกตอบเจ้ากระรอกแล้วหันไปทางหมูดำ
" ไม่ตัด ก็ไม่ตัด " หมูดำเห็นด้วย
"ไชโย! ฉันก็ยังอยู่ที่นี่ต่อไปได้ใช่ไหมน้า"กระรอกดีใจกระโดดลงมาจากต้นไม้ แล้วตรงไปไหว้หมูทั้งสอง
" ขอบคุณ น้าหมูมากครับ " .
หมูเผือก หมูดำ ถางหญ้าถางพงไปได้เกือบครึ่งก็พลบค่ำ จึงชวนกันกลับบ้านหุงหาอาหารรับประทาน แล้วนอนพักผ่อน
" พรุ่งนี้เราไปชวนเพื่อนๆ มาลงแขก ถางหญ้ากันดีไหม " หมูดำเอ่ยขึ้น
" ฉันว่ามันก็น่าจะดี แต่เราต้องมีอาหารไว้เลี้ยงเขาด้วยนะ "
" งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเพื่อนๆ มาช่วย หมูเผือกไปหาอาหารนะ " หมูดำดีใจที่จะมีเพื่อนๆ มาช่วยถางป่า.
เช้าวันรุ่งขึ้น หมูเผือก หมูดำ หมาป่า กรอต่าย กระรอก หมี กวาง ช่วยกันถางป่าอย่างขมีขมัน
" เอ้า! พี่หมีช่วยดึงต้นไม้ต้นนี้ที่เหอะ " กระต่ายกำลังล้มลุกคลุกคลานกับการถอนต้นไม้ยืนต้น ต้นเล็กๆ ต้นหนึ่ง
" มา มา...ฉันช่วยเองพี่กระต่าย " กระรอกตัวน้อยมีน้ำใจวิ่งมาช่วย และแล้วทั้งกระต่ายกับกระรอก
ก็ต้องล้มหงายผลึง ก้นกระแทรกพื้น
" โอ้ย! เจ็บก้นจัง " กระรอกน้อยร้องลั่น.
" เอ้า! ลุกขึ้น " กระต่ายฉุดกระรอกให้ลูกขึ้น
" ขอบคุณครับ " กระรอกลุกขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้กระต่าย
" กระต่าย กระรอก เราไปช่วยกันเตรียมอาหารดีกว่านะ " หมูเผือกชวน
" ครับ ครับ มันคงจะเหมาะกับผมมากกว่าการถางหญ้า " กระรอกน้อยตอบรับด้วยความยินดี.
ในขณะรับประทานอาหารกลางวัน หมูเผือกพูดขึ้นว่า
" การถางป่า สวนผักของเราก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราขอขอบคุณเพื่อนๆ ถ้ามีโอกาสเราจะตอบแทนเพื่อนทุกคน "
" อ้าว! เราไม่ให้เพื่อนๆ มาช่วยขุดดินหรือ " หมูดำแย้งขึ้น
" เราช่วยกันขุดเองดีกว่าน่า อย่ารบกวนเพื่อนๆเลย " หมูเผือกตอบ.
หลังจากถางป่าจนเตียนโล่งแล้ว หมูเผือกและหมูดำก็ช่วนกันขุดดินบริเวณนั้นให้ร่วนซุย ทั้งสองขุดดินได้ประมาณครึ่งหนึ่ง หมูดำก็ร้องโวยวาย ว่า
" เผือก! เผือก! มาดูนี่...อะไรก็ไม่รู้ "
" อะไรเหรอ..." หมูเผือกวิ่งเข้ามาหาหมูดำ
" ฉันว่า จอบฉันไปกระแทกอะไรไม่รู้แข็งพิลึก "
" ลองโกยดินออกซิ " หมูเผือกบอก.
หมูดำ และหมูเผือกช่วยกันโกยดินบ้าง ขุดดินบ้าง เป็นหลุมกว้างขึ้นและลึกลงไป ทั้งสองรู้สึกอ่อนหล้า หมูดำจึงบอกเพื่อนว่า
" เผือก ฉันว่า วันนี้เราหยุดพักก่อนดีไหม "
" ดีเหมือนกันแต่เราต้องไปหากิ่งไม้มาปิดหลุมไว้ก่อน "
เมื่อปิดหลุมด้วยกิ่งไม้เรียบร้อยแล้ว หมู 2 ตัวจึงเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อน.
หมูเผือกและหมูดำ ตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากรดน้ำผัก ซำ้เป็นงานประจำแล้ว ทั้งสองตกลงใจงดการขายผักที่ตลาด 1 วัน
หมูทั้งสองพยายามขุดดินอย่างประณีตและในที่สุดก็เห็นเป็นรูปร่างมันคือโครงกระดูกของไดโนเสาร์ 2 ตัว.
ทั้งสองตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้พบเห็น มันเป็นโครงกระดูกที่สมบูรณ์มาก
" ไชโย! เราคงรวยกันหละ คราวนี้ " หมูดำกระโดดร้องไชโยด้วยความดีใจ
" ดำเธอคิดจะทำอะไรรึ " หมูเผือกถาม
" เราก็จะเอาโครงกระดูกนี่ไปขายไงล่ะ คงมีราคาไม่น้อย ".
" ไม่ได้นะเราควรนำมันไปมอบให้กับพิพิธภัณฑ์ของหมู่บ้าน เพราะถือว่าเป็นสมบัติของแผ่นดิน "
หมูเผือกชักชวนหมูดำ
" เฮ้ย! ไม่ได้ก็ของนี้มันอยู่ในที่ดินของเรามันก็ต้องเป็นของเราซิ! " หมูเผือกกับหมูดำ ต่างอ้างเหตุผลของตน และตกลงกันไม่ได้.
ในที่สุดหมูดำจึงสรุปว่า
" เผือก! ฉันคิดว่าความคิดเห็นของเราไม่ตรงกันเสียแล้วเรามาแบ่งโครงกระดูกกันคนละโครงก็แล้วกันนะ
ใครจะทำอย่างไรกับของที่เป็นของตนก็ได้ "
หมูเผือกเห็นว่าคงทัดทานความคิดของเพื่อนไม่ได้แล้ว จึงตกลงตามที่หมูดำเสนอ.
หมูดำขายโครงกระดูกไดโนเสาร์ในส่วนที่เป็นของตนให้แก่พ่อค้าเสือผู้รับซื้อของเก่าได้เงินมามากมาย
มันปลูกบ้านหลังใหญ่ และใช้จ่ายอย่างมีความสุข แต่ไม่ช้าไม่นานเงินก็ค่อยๆร่อยหรอ และหมดในที่สุด มันจึงต้องไปรับจ้างทำงานในไร่อ้อย.
ส่วนหมูเผือกได้มอบโครงกระดูกให้แก่พิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน และเปิดแสดงเก็บค่าผ่านประตู ทำให้ได้เงินมาพัฒนาหมู่บ้านตลอดปี เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ได้จารึกประกาศชมเชยหมูเผือกไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ทำให้หมูเผือกเป็นที่รู้จักทั่วไป.
สัตว์ทั้งหลายในหมูบ้านชื่นชมในตัวหมูเผือก ต่างพากันไปเยี่ยมสวนผักของหมูเผือก และซื้อผักจากสวนหมูเผือกกันเป็นประจำ ทำให้หมูเผือกมีรายได้มากขึ้น และมีความสุขตลอดมา.
หมูเผือกกับหมูดำเป็นหมูป่าที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้งสองช่วยกันปลูกผัก สำหรับทำเป็นอาหารและนำไปขาย เพื่อมีรายได้มาใช้จ่าย
" เผือก! โชคดีนะขอให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่านะ " หมูดำ อวยพรให้หมูเผือกที่กำลังหาบผักเดินผ่านไป
วันนี้เป็นหน้าที่ของหมูเผือกที่จะต้องนำผักไปขายที่ตลาด.
" ผักจ้า! ผักสดๆ ผักกาดขาว ผักคะน้า กะหล่ำปลี ผักชี ต้นหอม สดใหม่จากสวนมาแล้วจ้า "
หมูเผือก ตะโกนเรียกลูกค้ามาซื้อผัก
" ฉัน ซื้อผักกาดขาวต้นหนึ่ง " หนูเดินเข้ามาซื้อผักของหมูเผือก
" ครับๆ ได้เลยครับ " หมูเผือกหยิบผักกาดขาวยื่นให้หนู
" วันนี้ไม่มีหัวผักกาดหรือ " แม่กระต่ายส่งเสียงถาม.
" ไม่มีครับ เอากะหล่ำปลี ดีไหมครับ" หมูเผือกพยายามจะขายผักที่มีอยู่
" ก็ได้จ้ะ แต่ฉันขอแค่ครึ่งหัวนะ ลูกๆ ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ "
" ได้ ได้ ฉันจะแบ่งให้นะ "
หมูเผือกใช้มีดบาง เฉือนกะหล่ำปลีเป็น 2 ชิ้น นำชิ้นหนึ่งใส่ถุงให้แก่แม่กระต่าย.
" เจ้าหมูเผือก วันนี้มีกล้วยให้ข้ากินไม๊ " หมีหนุ่มส่งเสียงถามดังลั่น
" ไม่มี! ฉันขายผักไม่ได้ขายผลไม้ "
" ทำไม ไม่หากล้วยมาขายมั่งล่ะ ข้าหิว..."
" เจ้าก็ไปซื้อจากแม่ค้าขายผลไม้ซิ " หมูเผือกแนะนำ
" โธ่! ข้าไม่มีตังค์...อยากจะขอเจ้ากิน แล้วจะหาตังค์มาให้วันหลังไง " หมีกระซิบกระซาบ.
" ฉันไม่รู้จะช่วยเจ้าอย่างไร...เอ้าฉันให้ผักกาดต้นหนึ่งไม่คิดตังค์หรอก " หมูเผือกรู้สึกสงสารหมี
จึงให้ผักกาดไปเป็นอาหาร 1 ต้น
" ขอบใจ ขอบใจนะ วันนี้ข้าก็คงต้องกินผักกาดกันตายไปก่อน "
หมีรับผักกาดจากหมู แล้วเดินจากไปด้วยใบหน้าผิดหวัง.
ตอนสายของวันนั้นหมูเผือกหาบกระจาดเปล่ากลับบ้านด้วยใบหน้าเบิกบาน
" โอ้โฮ! วันนี้ขายหมดเกลี้ยงเลยนะ " หมูดำร้องทัก
" ฮื้อ! วันนี้เป็นวันหยุดคนซื้อเยอะหน่อย "
" เข้าบ้านกินข้าว พักผ่อนสักครู่ แล้วค่อยออกไปสวน ฉันไปก่อนล่ะ " หมูดำบอกหมูเผือกก่อนที่จะเดินไปสวนผัก.
ณ สวนผัก หมู 2 ตัวช่วยกันรดน้ำผัก หมูเผือกมีความคิดว่าควรจะขยายสวนผักเพิ่ม เพราะสัตว์ต่างๆ หันมากินผักกันมากขึ้น โดยเฉพาะผักที่ปลอดสารพิษ
" หมูดำ หมูดำ ฉันคิดว่า..." หมูเผือกพูดยังไม่จบ หมูดำ รีบตั้งคำถามทันทีว่า
" คิดอะไรอีกล่ะ"
" เราน่าจะขยายสวนผักของเราออกไปอีกนะ "
" ก็ดีนะ ... แต่มันคงเหนื่อยที่เดียวแหละ " หมูดำเริ่มท้อใจ.
หมูทั้ง 2 ตัว ปรึกษากันอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงรับประทานอาหารกลางวัน และตกลงใจพากันไปพบผู้ใหญ่บ้านช้าง ขอซื้อที่ดินที่ติดกับสวนผักของตน
" ลุงช้างครับ เราอยากจะปลูกผักให้มากขึ้น แต่ที่ดินของเรามีน้อย..."
" อ๋อ! อยากจะได้ที่เพิ่มงั้นหรือ " ผู้ใหญ่บ้านช้างถามก่อนที่หมู 2 ตัวจะพูดจบ
" ครับๆ ผมทราบว่าใกล้ๆ สวนของผม เป็นที่ของลุงช้าง มันว่างเปล่าอยู่ ผมอยากจะขอซื้อเพื่อทำสวนผักครับ " หมูเผือกพูดอย่างนอบน้อม
" เจ้าทั้ง 2 เป็นผู้มีความขยันหมั่นเพียร ข้าจะขายที่แปลงนั้นให้ " .
เมื่อหมูเผือกและหมูดำ ดำเนินการเรื่องซื้อขายที่ดินกับผู้ใหญ่บ้านช้างเรียบร้อย จึงลงมือถางหญ้าในสวนใหม่
" น้าหมู ทำอะไรกันหรือครับ " กว้างตัวหนึ่งร้องถาม
" น้าถางหญ้า เพื่อทำสวนผักเพิ่มขึ้น "
" น้าๆ แล้วน้าจะตัดต้นไม้ต้นนี้หรือเปล่า " กระรอกตะโกนถามลงมาจากต้าไม้.
" ต้นไม้ใหญ่ช่วยให้ร่มเงา บังแดด บังฝนได้ เราคงไม่ตัดหรอก...นะหมูดำ "
หมูเผือกตอบเจ้ากระรอกแล้วหันไปทางหมูดำ
" ไม่ตัด ก็ไม่ตัด " หมูดำเห็นด้วย
"ไชโย! ฉันก็ยังอยู่ที่นี่ต่อไปได้ใช่ไหมน้า"กระรอกดีใจกระโดดลงมาจากต้นไม้ แล้วตรงไปไหว้หมูทั้งสอง
" ขอบคุณ น้าหมูมากครับ " .
หมูเผือก หมูดำ ถางหญ้าถางพงไปได้เกือบครึ่งก็พลบค่ำ จึงชวนกันกลับบ้านหุงหาอาหารรับประทาน แล้วนอนพักผ่อน
" พรุ่งนี้เราไปชวนเพื่อนๆ มาลงแขก ถางหญ้ากันดีไหม " หมูดำเอ่ยขึ้น
" ฉันว่ามันก็น่าจะดี แต่เราต้องมีอาหารไว้เลี้ยงเขาด้วยนะ "
" งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปหาเพื่อนๆ มาช่วย หมูเผือกไปหาอาหารนะ " หมูดำดีใจที่จะมีเพื่อนๆ มาช่วยถางป่า.
เช้าวันรุ่งขึ้น หมูเผือก หมูดำ หมาป่า กรอต่าย กระรอก หมี กวาง ช่วยกันถางป่าอย่างขมีขมัน
" เอ้า! พี่หมีช่วยดึงต้นไม้ต้นนี้ที่เหอะ " กระต่ายกำลังล้มลุกคลุกคลานกับการถอนต้นไม้ยืนต้น ต้นเล็กๆ ต้นหนึ่ง
" มา มา...ฉันช่วยเองพี่กระต่าย " กระรอกตัวน้อยมีน้ำใจวิ่งมาช่วย และแล้วทั้งกระต่ายกับกระรอก
ก็ต้องล้มหงายผลึง ก้นกระแทรกพื้น
" โอ้ย! เจ็บก้นจัง " กระรอกน้อยร้องลั่น.
" เอ้า! ลุกขึ้น " กระต่ายฉุดกระรอกให้ลูกขึ้น
" ขอบคุณครับ " กระรอกลุกขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้กระต่าย
" กระต่าย กระรอก เราไปช่วยกันเตรียมอาหารดีกว่านะ " หมูเผือกชวน
" ครับ ครับ มันคงจะเหมาะกับผมมากกว่าการถางหญ้า " กระรอกน้อยตอบรับด้วยความยินดี.
ในขณะรับประทานอาหารกลางวัน หมูเผือกพูดขึ้นว่า
" การถางป่า สวนผักของเราก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราขอขอบคุณเพื่อนๆ ถ้ามีโอกาสเราจะตอบแทนเพื่อนทุกคน "
" อ้าว! เราไม่ให้เพื่อนๆ มาช่วยขุดดินหรือ " หมูดำแย้งขึ้น
" เราช่วยกันขุดเองดีกว่าน่า อย่ารบกวนเพื่อนๆเลย " หมูเผือกตอบ.
หลังจากถางป่าจนเตียนโล่งแล้ว หมูเผือกและหมูดำก็ช่วนกันขุดดินบริเวณนั้นให้ร่วนซุย ทั้งสองขุดดินได้ประมาณครึ่งหนึ่ง หมูดำก็ร้องโวยวาย ว่า
" เผือก! เผือก! มาดูนี่...อะไรก็ไม่รู้ "
" อะไรเหรอ..." หมูเผือกวิ่งเข้ามาหาหมูดำ
" ฉันว่า จอบฉันไปกระแทกอะไรไม่รู้แข็งพิลึก "
" ลองโกยดินออกซิ " หมูเผือกบอก.
หมูดำ และหมูเผือกช่วยกันโกยดินบ้าง ขุดดินบ้าง เป็นหลุมกว้างขึ้นและลึกลงไป ทั้งสองรู้สึกอ่อนหล้า หมูดำจึงบอกเพื่อนว่า
" เผือก ฉันว่า วันนี้เราหยุดพักก่อนดีไหม "
" ดีเหมือนกันแต่เราต้องไปหากิ่งไม้มาปิดหลุมไว้ก่อน "
เมื่อปิดหลุมด้วยกิ่งไม้เรียบร้อยแล้ว หมู 2 ตัวจึงเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อน.
หมูเผือกและหมูดำ ตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากรดน้ำผัก ซำ้เป็นงานประจำแล้ว ทั้งสองตกลงใจงดการขายผักที่ตลาด 1 วัน
หมูทั้งสองพยายามขุดดินอย่างประณีตและในที่สุดก็เห็นเป็นรูปร่างมันคือโครงกระดูกของไดโนเสาร์ 2 ตัว.
ทั้งสองตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้พบเห็น มันเป็นโครงกระดูกที่สมบูรณ์มาก
" ไชโย! เราคงรวยกันหละ คราวนี้ " หมูดำกระโดดร้องไชโยด้วยความดีใจ
" ดำเธอคิดจะทำอะไรรึ " หมูเผือกถาม
" เราก็จะเอาโครงกระดูกนี่ไปขายไงล่ะ คงมีราคาไม่น้อย ".
" ไม่ได้นะเราควรนำมันไปมอบให้กับพิพิธภัณฑ์ของหมู่บ้าน เพราะถือว่าเป็นสมบัติของแผ่นดิน "
หมูเผือกชักชวนหมูดำ
" เฮ้ย! ไม่ได้ก็ของนี้มันอยู่ในที่ดินของเรามันก็ต้องเป็นของเราซิ! " หมูเผือกกับหมูดำ ต่างอ้างเหตุผลของตน และตกลงกันไม่ได้.
ในที่สุดหมูดำจึงสรุปว่า
" เผือก! ฉันคิดว่าความคิดเห็นของเราไม่ตรงกันเสียแล้วเรามาแบ่งโครงกระดูกกันคนละโครงก็แล้วกันนะ
ใครจะทำอย่างไรกับของที่เป็นของตนก็ได้ "
หมูเผือกเห็นว่าคงทัดทานความคิดของเพื่อนไม่ได้แล้ว จึงตกลงตามที่หมูดำเสนอ.
หมูดำขายโครงกระดูกไดโนเสาร์ในส่วนที่เป็นของตนให้แก่พ่อค้าเสือผู้รับซื้อของเก่าได้เงินมามากมาย
มันปลูกบ้านหลังใหญ่ และใช้จ่ายอย่างมีความสุข แต่ไม่ช้าไม่นานเงินก็ค่อยๆร่อยหรอ และหมดในที่สุด มันจึงต้องไปรับจ้างทำงานในไร่อ้อย.
ส่วนหมูเผือกได้มอบโครงกระดูกให้แก่พิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน และเปิดแสดงเก็บค่าผ่านประตู ทำให้ได้เงินมาพัฒนาหมู่บ้านตลอดปี เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ได้จารึกประกาศชมเชยหมูเผือกไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ทำให้หมูเผือกเป็นที่รู้จักทั่วไป.
สัตว์ทั้งหลายในหมูบ้านชื่นชมในตัวหมูเผือก ต่างพากันไปเยี่ยมสวนผักของหมูเผือก และซื้อผักจากสวนหมูเผือกกันเป็นประจำ ทำให้หมูเผือกมีรายได้มากขึ้น และมีความสุขตลอดมา.